วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

CR เรื่องราวประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบัน ภาค 1

         เนื่องจากมีคนชมว่าเขียนเรื่องราวได้สนุกดี ทำให้เกิดแรงบ้ายอ นึกสนุกหยิบKeyboard ขึ้นมาบรรเลงเขียนประสบการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่เริ่มเที่ยวจนถึงปัจจุบัน ลองอ่านกันดูไม่รู้ว่าจะเขียนได้ดีเท่าครั้งที่แล้วรึป่าว ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ
         สมัยเด็กๆก็มีโอกาสได้ท่องเที่ยวกับครอบครัวบ้างไม่มากนัก ประมาณปีละ 1 ครั้ง จนมาเรียนจบชั้นประถมก็มีโอากาสเที่ยวน้อยลง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องเที่ยวเท่าไร ได้ไปก็ดีไม่ไปก็เฉยๆ อาจเป็นเพราะสมัยเด็กๆติดเพื่อน เลยไม่ค่อยสนใจก็เป็นไปได้ การเริ่มเที่ยวอย่างจริงจังมาเริ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนประมาณปี 2 เพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่ม รักนกรักป่า สจพ. ขึ้นมา เริ่มแรกผมก็ไม่ได้สนใจกลุ่มนี้เท่าไร เพราะจากที่เล่ามาว่า ได้เที่ยวก็ดีไม่เที่ยวก็ได้ แต่เรื่องมาเริ่มตอนที่กลุ่มได้จัดกิจกรรม รักนกรักป่าครั้งที่ 1 ขึ้น (กลุ่มรักนกรักป่า เป็นกลุ่มที่เป็นชมรมเถื่อนไม่ได้งบจากทางมหาวิทยาลัย จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเพราะความสนุกอยากมีชมรมเป็นของตัวเอง มั่ง) เนื่องจากเป็นกลุ่มเล็กๆในมหาวิทยาลัยไม่มีคนรู้จักทำให้ขาดสมาชิกที่จะไปร่วมทริป เริ่มแรกรวมคนได้ไม่ถึง 10 คน ช่วงนั้นผมแอบมีเซ้งเรื่องการเอ็นทรานอยู่เพราะอยากเรียนคณะวิศวะแต่เอ็นไม่ติดมาติดคณะวิทยาศาสตร์ เอ็นใหม่ก็ยังคงไม่ติดเหมือนเดิม(จำได้ว่าช่วงปี1 แทบไม่ได้เข้าเรียนเลย เพราะมั่นใจว่ายังไงเอ็นใหม่ก็ต้องติดวิศวะ แต่ทำไงได้ ในเมื่อไม่ติดก็เลยต้องเรียนคณะเดิมต่อไป ก็ไม่เสียหายเท่าไรนะ เมื่อกลับมาคิดย้อนหลังถ้าเราเรียนวิศวะอาจจะไม่จบก็ได้ วิทยาศาตร์ก็ดีเหมือนกัน)  เมื่อสมาชิกร่วมทริปรักนกรักป่าครั้งที่ 1 มีคนสนใจน้อย เพื่อนที่ตั้งกลุ่มซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัย ปวช ก็มาชักชวนให้ร่วมทริปไปด้วยกัน ตอนนั้นไม่รู้เกี่ยวกับการเดินป่า หรือการนอนในป่าเลย สมาชิกหลายๆคนที่ไปด้วยก็เพิ่งเข้าป่ากันครั้งแรกเหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นเป้ใส่ของเดินป่ายังไม่มีเลย ต้องไปหยิบยืมเพือนที่รู้จักมา(ตอนหลังทำของมันหาย อยากบอกว่ากูขอโทด) รองเท้าเดินป่าก็ไม่มีต้องไปเอารองเท้ากีฬาเก่าๆของพ่อที่ไม่ใช้แล้วมาใช้ โชคดีที่ทริปแรกของเราได้ผู้นำคณะที่ดี เป็นอาจารย์ที่ภาควิชาของผมเอง แกชอบเที่ยวป่าเคยหลงป่าเขาใหญ่มาแล้ววว ขอเอ่ยนามแกหน่อย แกชื่ออ.เชิด จริงๆเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแล้วกลับมาเป็นอาจาร์ย(แกรุ่น 9 ส่วนผมรุ่น 19 ห่างกัน 10 ปี) อุปกรณ์กองกลางส่วนใหญ่ก็เป็นของแกไม่ว่าจะเป็นหม้อสนาม อุปกรณ์ทำครัว หลังจากที่เห็นแกมีอุปกรณ์เดินป่าผมก็เริ่มเก็บเงินทะยอยซื้อเรียกได้ว่ามีแกเป็นต้นแบบในการเดินป่าก็ว่าได้ ทริปนี้เรามีจุดหมายที่ น้ำตกแม่ปล้อง(ตอนนั้นเกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อเลย สาบานได้) น้ำตกแม่ปล้องอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ 13 จุดเริ่มเดินต้องเดินจากน้ำตกวังตระไคร้เข้าไป จำไม่ได้แล้วว่าระยะทางกี่กิโล แต่ระยะทางไม่ไกลมากนักเหมาะกับนักเดินป่ามือใหม่ สามารถไป-กลับในวันเดียวกันได้ แต่เราเลือกที่จะค้างคืน ทริปนี้ผมติดกล้องฟิมล์เก่าๆของพ่อไปด้วย(Pentax K1000) ตอนนั้นยังถ่ายรูปไม่เป็นเลย จำได้ว่าเวลาวัดแสงก็จะหันไปถามเพื่อนที่ถ่ายรูปเป็นว่าต้องตั้งค่าอะไรยังไงบ้าง สมัยนั้นกล้อง Digital เพิ่งออกมาใหม่ๆ ราคากล้อง Compact Digital แพงมาก อ.เชิดแกเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว แกจะมีกล้อง Compact Digital ที่เรียกว่าสมัยนั้นทันสมัยสุดๆ ความละเอียด 3 ล้าน pixel พร้อมกล้องฟิมล์อีก 1ตัวติดตัวไปด้วย จากการไปสัมผัสการเดินป่าและเห็นภาพถ่ายจากล้องสุดทันสมัยของอ.เชิด ทำให้ผมเกิดความสนใจในการท่องเที่ยวและถ่ายภาพขึ้นมา ทำให้ต้องเก็บสะสมเงิน(ขอเงินแม่) ซื้อกล้อง Digital ตัวแรก เป็น Casio QX2900 ความละเอียด 2 ล้าน pixel มาไว้คู่กาย หลังจากกลับมาจากทริปแรกก็เฝ้ารอทริปต่อไปของกลุ่มรักนกรักป่า สมัยนั้นการเที่ยวป่าถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ทำให้ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับสถานทีเที่ยวในไทยเลย(ต่างประเทศยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย) ภูกระดึง,ภูสอยดาว คืออะไรไม่รู้จักมันอยู่ในประเทศไทยได้เหรอ ทำให้การคิดจะเที่ยวด้วยตัวเองในตอนนั้นไม่มีอยู่ในสมองเลย ทริปรักนกรักป่าจะจัดปีล่ะ 1 ครั้ง ทำให้การเดินป่าครั้งที่สองของผมต้องรอถึงปีหน้า
คนหลังสุดผมเอง นี้แหละคือภาพเป้ภาพสุดท้ายก่อนมันจะหายไป

กิจกรรมรอบกองไฟตามประสาคนเดินป่า

ภาพน้ำตกแม่ปล้องชั้นล่าง

น้ำตกแม่ปล้องชั้นบน(ภาพทั้งหมดเป็นภาพจากล้อง อ.เชิดนะครับ)
ภาพหมู่ก่อนกลับถ่ายกับป้ายวังตระไคร้

          ทริปรักนกรักป่าครั้งที่ 2 จัดไปที่เขาใหญ่เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนจากนครนายกเป็นปราจีนบุรี(เขาใหญ่ครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด ทั้งสระบุรี นครนายก นครราชสีมา ปราจีนบุรี) ทริปนี้เราไปกันที่น้ำตกเหวอีอ่ำ ก็เช่นเคยไม้รู้จักน้ำตกนี้อีกเช่นเคย ทริปนี้ผมมีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อย โดยมีเป้เป็นของตนเองแล้ว(เพราะทำของเพื่อนหายเลยซื้อมาเป็นของตัวเองดีกว่า ยืมเดี่ยวหายอีก) เป้ที่ใช้เป็นเป้ที่ซื้จาก JJ ราคาไม่กี่ร้อยบาท รองเท้าปรับเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบมาเป็นรองเท้าแตะ(อันนี้พัฒนาลง) และที่สุดยอดก็คือกล้อง Digital สุด Hitech ความละเอียด 2 ล้าน pixel เท่ห์สุดๆเลยใช่ไหม เนื่องจากระยะเวลาระหว่างทริปแรกกับทริปที่ 2 ห่างกันพอสมควร ทำให้ร่างกายห่างหายจากความฟิตไปมาก ทางเข้าน้ำตกเหวอีอ่ำเป็นทางชันในช่วงแรกก่อนจะตัดเป็นทางราบก่อนขึ้นตัวน้ำตก ตอนนั้นบอกได้เลยว่าทำไมมันโหดแบบนี้ เดิน 10 ก้าวพักครึ่งชั่วโมง มันจะคุ้มกับน้ำตกไหม ถ้าเป็นปัจจุบันนี้อยากจะด่าตัวเองในอดีตว่า อ่อนมากไอ้น้องเอ่ย ยังไม่ได้คีบของภูกระดึงเลย 20เหวอีอ่ำ = 1 ภูกระดึง จริงๆมันเดินไม่ยากแต่เราห่างหายจากการออกกำลังกายไปนานทำให้รู้สึกว่ามันลำบากมากๆๆๆ(ตอนนั้นนึกที่นี้คงโหดสุดๆแล้วมั่ง) น้ำตกเหวอีอ่ำเป็นนี้ตกใหญ่ที่หลายๆคนอาจไม่ค่อยได้ยินชื่อเท่าไร แต่ใครที่เคยเดินเขาสมอปูนต้องรู้จักน้ำตกนี้เป็นอย่างดีแน่นอน ที่น้ำตกเหวอีอ่ำมีเรื่องตื่นเต้นให้สยองขวัญ อันนี้ไม่เจอกับตัวเองแต่สมาชิกที่ไปเจอกันหลายคน คือเวลาเราเดินขึ้นน้ำตกเราจะไปโผล่ด้านบนยอดน้ำตก ซึ่งมันได้วิวไม่สวยไม่ได้บรรยากาศ ทำให้เราแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มของผมนอนที่บนยอดน้ำตกเพราะขี้เกียจลงไปข้างล่าง ส่วนอีกกลุ่มลงไปผูกเปล กางเต้นท์ที่ตีนน้ำตกด่านล่างเพราะอยากจะฟินกับบรรยากาศ ธรรมชาติอันสดชื่น เรื่องนี้เกิดกับกลุ่มที่ลงไปนอนตีนน้ำตกนะครับ หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กลุ่มที่นอนตีนน้ำตกก็แยกย้ายปีนลงไปบริเวณที่ผูกเปล พร้อมด้วยสุราหนึ่งไห(แค่1แบนเท่านั้นแหละ) นั่งริมน้ำตกเคล้าสุรา ช่างฟินเสียยิ่งกระไร แต่เหมือนสุราจะไม่เป็นใจเกิดหลุดมือหล่นลงไปแตกคาตาเลย เซ้งเป็ดเลย ตามปกติเวลาเข้าป่า จะกินอาหารหรือดื่มสุราจะมีเซ่นไหว้เจ้าที่ก่อน โดยจะเซ่นกับต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น แต่สุราเกิดหล่นแตกซะก่อนทำให้ไม่ได้เซ่น ทำให้ตกดึกสมาชิกที่นอนตีนน้ำตกหลายคนต้องเจอกับเรื่งอันชวนขนลุก ณ.บริเวณรอบๆกองไฟที่ก่อไว้ หลังจากที่ทุกคนเข้านอนมีคนเห็นเด็กมาเดินรอบกองไฟ มาเขย่าเปล เกาะแขนคนที่นอนในเต้นท์ ขนาดพิมพ์อยู่ยังขนลุกเลย ตอนเช้าทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องนี้ถูกเอามาเล่ากันในทริปรักนกรักป่าครั้งที่ 3  เรื่องนี้ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่นะครับ แต่สำหรับผมถ้าไม่ลืมเวลาเข้าป่าก่อนกินอาหาร(มื้อเย็น) จะมีการเซ่นไหว้ก่อนทุกครั้ง(สุราเซ่นทุกขวดที่เปิด) เนื่องจากเรื่องราวมันยาวขอต่ดภาค 2 แล้วกันนะครับ
เดิน 10 ก้าวพักครึ่งชั่วโมง บ้างคนต้องพกยาดมช่วย

น้ำตกเหวอีอ่ำถ่ายจากล้อง Digital สุด Hitech 2 ล้าน pixel

กลุ่มสมาชิกที่นอนบนยอดน้ำตก ไม่เจออะไรเลย

อาหารง่ายๆ สไตล์คนเดินป่า

ทริปนี้นอนคอนโด สบายเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น