ได้มีโอกาสขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเป็นครั้งแรก โดยใช้บริการทัวร์ของ TKT ผมไปคนเดียวไปแจม กับสมาชิกคนอื่น รวมทั้งสิ้นสมาชิกที่ไปดอยหลวงครั้งนี้มีทั้งหมด 20 คน รวม Staff ของ TKT โดยปกติเวลาเดินป่าหรือไปเที่ยวจะนิยมไปกันเองโดยรวมรวบเพื่อนๆ ให้ครบ 10 คน แล้วจ้างรถตู้ไปกันเอง แต่ทริปนี้เพื่อนๆ เคยไปดอยหลวงเชียงดาวกันหมดแล้ว ทำให้ผมต้องใช้บริการของทัวร์ อย่างที่รู้ๆหลายๆคนบอกว่าดอยหลวงเชียงดาวโหดมากติดอันดับ Buffalo degree
ทำให้ควรเลือกทัวร์ที่จะทำให้เราสามารถเที่ยวได้อย่างสบายและสนุกที่สุด หลังจากที่ดูทัวร์ของหลายๆบริษัท ก็มาถูกใจที่ของ TKT เนื่องจากจากรีวิว+ภาพประกอบของหลายๆคนที่เคยไปกับ TKT บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารการกินและการเป็นกันเองของ Staff ดีมากแม้จะแพงกว่าของที่อื่นเล็กน้อย ทริปนี้เลยเลือกใช้บริการของ TKT (เป็นครั้งแรกที่ใช้บริการของ TKT ด้วย) ก่อนวันเดินทาง Staff ของ TKT โทรมานัดแนะจุดขึ้นรถ และอุปกรณ์ที่ควรเตรียมไป (ไม่รู้ที่อื่นมีรึป่าวแต่ที่เคยไปมาส่วนมากนัดแค่เวลาขึ้นรถ อุปกรณ์ที่เตรียมไปจะเขียนไว้ในเว็บไซต์ตอนโทรมานัดไม่เห็นเคยบอกอุปกรณ์ที่ควรเตรียมไปสักเจ้า) พอถึงวันเดินทางผมทำจัดเก็บกระเป๋า พร้อมอุปกรณ์ถ่ายภาพ+อุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม รวมๆกระเป๋าหนัก 10 กิโลได้ (ถือว่ากำลังดีไม่หนักเกินไป ถ้าไปกันเองหนักกว่านี้่แน่นอน เพราะต้องแบกของกองกลางด้วย) พอไปถึงจุดนัดพบที่สำนักงาน TKT Staff ถามชื่อทริปที่จะไป(วันนั้นTKT จัดอยู่หลายทริป) ก็แจ้งไปว่า "ดอยหลวงเชียงดาวครับ" Staff ก็บอกว่ารถมาแล้วเอาของขึ้นรถได้เลย เนื่องจากอาหารการกินของ TKT ดีมาก รถตู้จึงต้องขนของกองกลางไปจำนวนมากทำให้ที่เก็บของหลังรถคันที่ผมไปเต็ม แต่โชคดีเรามาก่อนคนอื่นรถตู้เลยบอกให้ผมเอาของไปฝากไว้กับรถตู้อีกคัน สบายเลยไม่งั้นต้องนั่งรถตู้พร้อมมีของหนัก 10 กิโลอยู่บนตักแย่เลย พอขึ้นมาบนรถประทับใจแรก คือทาง TKT จะเตรียมถุงนอนให้สมาชิกเอาไว้กันหนาวระหว่างที่นั่งรถ โดยก่อนรถออก Staff จะแจ้งว่าให้เอาเสื้อกันหนาวออกมาเลยเพราะรถจะไม่จอดแวะเอาของหลังรถอีกแล้ว โชคดีมีสมาชิกอีกคนเจอกันที่เชียงใหม่ทำให้มีที่ว่าง 1 ทีเอาไว้สำหรับวางกระเป๋าของสมาชิกที่เหลือ ที่นั่งบนรถตู้กว้างดีแต่แอร์หนาวมากแล้วดันปรับอุณหภูมิไม่ได้อีก หลับๆตื่นๆมาตลอดทางจนถึงเชียงใหม่ รถตู้มาจอดที่ รีสอร์ทเชียงดาววิว เพื่อแวะให้สมาชิกทำธุระส่วนตัวพร้อมรับประทานอาหารเช้า พร้อมจัดกระเป๋าแยกสัมภาระที่จะเอาเก็บไว้ในรถไม่เอาขึ้นดอย
หลังจากที่รับประทานอาหารจัดเก็บกระเป๋ากันเสร็จรถก็ออกเดินทางไปยังที่ทำการของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าหน่วย........(จำชื่อไม่ได้) เชียงดาว เพื่อติดต่อลูกหาบและย้ายรถมานั่งรถกระบะไปยังจุดเดินเท้า เรานั่งรถกันประมาณ 2 ชั่วโมงมาที่จุดเดินเท้าเด่นหญ้าขัด นี้เป็นประทับใจที่ 2 เนื่องจากปกติดอยหลวงเชียงดาวจะสามารถขึ้นได้ 2 ทางคือทางปางวัวกับเด่นหญ้าขัด(ทางขึ้นที่ถ้ำเชียงดาวปิดไปแล้ว) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะขึ้นทางปางวัวเนื่องจากเป็นถนนคอกรีตจนถึงจุดเดินเท้า แต่ปางวัวเป็นทางลูกรัง(ใช้ทางเดี่ยวกับทางขึ้นดอยแม่ตะมาน) สาเหตุที่ประทับใจเนื่องจากทางเด่นหญ้าขัดแม้ระยะทางเดินเท้าจะไกลกว่าปางวัวแต่ทางเดินจะชันน้อยกว่ามาก สามารถทำเวลาการเดินได้ดีกว่าขึ้นทางปางวัวมาก เพราะผมใช้เวลาจากเด่นหญ้าขัดถึงอ่าวสลุงจุดกางเต้นท์แค่ 3 ชั่วโมงกว่าๆเอง ถ้าขึ้นทางปางวัว มีอย่างน้อยๆ4ชั่วโมงแน่นอน
สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยเดินป่าแล้วอยากมาดอยหลวงเชียงดาวแนะนำว่าออกกำลังกายสัก1-2อาทิตย์ก่อนมาจะช่วยให้ไม่เหนื่อยจนเกินไป และจะทำให้เที่ยวสนุกยิ่งขึ้น หลังจากที่มาถึงจุดกางเต้นท์ Staff ของ TKT(พี่แมว) มาถึงก่อนพวกเราแม้จะออกเดินหลังสุดก็ตาม จัดแจงกางเต้นท์ให้สมาชิก พร้อมจัดแจงเตรียมทำอาหารเย็น พอผมมาถึงได้ไม่นานสมาชิกคนอื่นๆก็ตามมาถึง
จัดแจงเอาของแยกเก็บเข้าเต้นท์ของตัวเอง ผมเอาเต้นท์มาเองเป็นเต้นท์นอนคนเดียวเพิ่งซื้อมาใหม่ เอามาประเดิมที่เชียงดาวครั้งแรก ถือว่าสอบผ่านแต่อาจจะเล็กไปหน่อย สมาชิกคนอื่นหลังจากมาถึงก็ขอพักเอาแรงในเต้นท์ของตัวเอง ขอเก็บแรงเอาไว้เดินเทียววันพรุ่งนี้ ส่วนผมกับสมาชิกอีก2คนแรงยังเหลือ ขอตัวขึ้นยอดดอยไปชมพระอาทิตย์ตก ระยะทางจากที่พักถึงยอดดอยประมาณ 300 เมตร แต่เป็นทางขึ้นอย่างเดียวใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาที ใครที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกควรติดเสื้อกันหนาว ไฟฉายและน้ำดื่มไปด้วย วันที่ขึ้นมาฟ้ายังเป็นใจให้เราอยู่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกสมใจ ได้รูปสวยๆมาเพียบเลย
หลังจากชมพระอาทิตย์ตกก็ทะยอยลงมาจากยอดดอย เมื่อมาถึงจุดกางเต้นท์ Staff TKT และสมาชิกบางส่วนก็กำลังยุ่งกับการทำครัวสำหรับมื้อเย็น อาหารมื้อเย็นของคืนนี้ประกอบไปด้วยไข่เจียว ผัดผัก ต้มยำไก่ แล้วอะไรอีกอย่างนี้แหละครับจำไม่ได้ ตบท้ายด้วยของหวานเป็นเต้าฮ้วยนมสดฟุตสลัด อิ่มอร่อยสมชื่อ TKT ประทับใจที่ 3 ก็ตามมา Staff ของ TKT จะยังไม่ทานอาหารพร้อมกับสมาชิก จะรอให้สมาชิกทานจนอิ่มแล้วจึงจะเริ่มทาน ซึ่งจริงๆจะทานพร้อมกันก็ได้แต่ Staff จะรอให้สมาชิกเติมข้าวและกินจนอิ่มจึงจะเริ่มทาน หลังจากอาหารเย็น ทาง TKT จะมีกิจกรรมแนะนำตัวเองของสมาชิกที่มารวมทริป เพื่อให้รู้จักกันมาขึ้น(ขอสารภาพไว้ตรงนี้เลยว่าผมจำชื่อทุกคนไม่ได้ ต้องขอโทษด้วย) หลังจากพระอาทิตย์ตกฟ้าก็เริ่มไม่เป็นใจหมอกเริ่มลงจนไม่เห็นทะเลดาวตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้ทุกคนลงความเห็นเดียวกันคือแยกย้ายกันเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตี4 เพื่อขึ่นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลม อากาศคืนนี้กำลังดีไม่หนาวจนเกินไปอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 9 องศา พอถึงเวลานัดหมายตี 4 ต่างคนต่างลุกออกจากเต้นท์มาเตรียมตัว แต่พอโผล่ออกมาจากเต้นท์กับต้องผิดหวังเล็กๆ หมอกลงหนามาก ทางพี่แมวบอกว่าถ้าหมอกลงแบบนี้ไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้นหรอก แต่ใครจะขึ้นก็ได้นะ สมาชิกส่วนใหญ่ตกลงที่จะขึ้นกิ่วลม เพราะไหนๆมาแล้วก็ขอขึ้นไปสักครั้ง พี่แมวรออยู่บริเวณด้านล่างเพื่อทำอาหารเช้า ปล่อยให้ Staff สาวของ TKT (หวาน) พร้อมลูกหาบเป็นคนนำขึ้นกิ่วลมใต้ ระยะทางจากจุดกางเต้นท์ถึงกิ่วลมใต้ประมาณ 600 เมตร ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง มีทางลาบสลับกับทางชันเดินง่ายกว่าทางขึ้นยอดดอย แล้วก็เป็นไปตามที่พี่แมวบอกไว้จริงๆ คือมองอะไรไม่เห็นเลย หมอกลงหนามาก รอจนถึง 7 โมงก็ยังไม่มีวี่แววพระอาทิตย์จะขึ้น จึงตัดสิ้นใจเดินลงพร้อมความผิดหวัง
ระหว่างที่รออาหารเช้า ก็มีของว่างเป็นกาแฟ-โอวันติน พร้อมขนมปังปิงอุ่นๆ เรียกได้ว่ากินแทนอาหารเช้าๆได้เลย สำหรับอาหารเช้าในวันนี้เป็นข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมกับมักกะโรนี เลือกกินได้หรือจะกินทั่งสองอย่างก็ได้ 10โมงกว่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าหมอกจะจางลง ทำให้สมาชิกหลายคนกลับเข้านอนในเต้นท์ ส่วนผมเนื่องจากเต้นท์มันเล็กไปหน่อยเลยขนถุงนอนออกมานอนข้างนอกกับ Staff ระหว่างที่นอนก็มอง ท้องฟ้าไปว่าเมื่อไรฟ้าจะเปิดสักที เพราะตามโปรแกรมถ้าฟ้าเปิด Staff จะพาไปชมทุ่งดอกไม้บริเวณกิ่วลมใต้(พี่แมวให้ชื่อทุ่งดอกไม้ว่า ทุ่งดอกไม้ของเทพเจ้า) ประมาณ 11 โมงระหว่างที่นอนก็เหลือบไปเห็นว่าบริเวณยอดดอยฟ้าเริ่มเปิด จึงตัดสิ้นใจหยิบกล้องพร้อมขาตั้งกล้อง+น้ำ 1 ขวด ลุยเดียวขึ้นยอดดอยอีกครั้งหลังจากที่ไปชมพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน บนยอดดอยฟ้าเปิดสลับกับปิดเป็นระยะต้องรอจังหวะดีๆ ข้างบนยอดช่วงเทียงมีคนขึ้นมาไม่กี่คน ถ่ายภาพสบายเลย ถ้าฟ้าเปิดจะแจ่มมาก ประมาณเที่ยงสมาชิกบางส่วนก็ตัดสิ้นใจขึ้นยอดดอยตามมาเหมือนกัน
หลังจากเก็บภาพจนจุใจก็ตัดสินใจลง ไปรับประทานอาหารกลางวัน ประทับใจที่....(จำไม่ได้และขี้เกียจย้อนกลับไปอ่าน) มื้อกลางวันเป็นข้าวขาหมู นี้แหละขาหมูเชียงดาวของจริง ที่ขายกันข้างล่างของปลอมทั่งนั้น ของจริงมันต้องกินบนเชียงดาว ซัดไป2จานอิ่มอร่อย
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ ผมกับสมาชิกอีก 2 คนตัดสินใจขึ้นกิ่วลมอีกครั้งเพราะหวังในใจลึกๆว่า ฟ้าจะเป็นใจเปิดให้เรา Staff สาวนำทีมพาขึ้นกิ่วลมนำโดย Staff หวานและส้ม เราขึ้นไปกิ่วลมใต้กันก่อน เพราะอยากจะไปดูทุ่งดอกไม้ของเทพเจ้าตามที่พี่แมวบอกไว้ แต่เป็นที่น่าเสียด้ายเนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกไม้ส่วนใหญ่ร่วงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังมีดอกไม้อีกหลายชนิดให้เราได้ชม จากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น เดินไปอีกประมาณ 500 เมตรจะมีดอกไม้หลากหลายชนิดขึ้นสลับกัน ใครเป็นคอมาโครไม่ควรพลาด เหมือนฟ้าจะเป็นใจเล็กๆ แอบมีเปิดเป็นระยะๆให้พอได้ลุ้นเก็บภาพประทับใจ ประมาณ 4โมงเราลงกิ่วลมใต้เพื่อไปกิ่วลมเหนือกันต่อ น้องimm(ชื่อพูดยากสะกดไม่ถูกขอเป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน) สมาชิกที่ไปด้วยขอแยกตัวลงก่อนเพราะจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยเพราะเมื่อวานน้องเขาไม่ได้ขึ้น Staffส้มเป็นคนนำน้องลงไป
ส่วนที่เหลืออีก 3 คนตัดสินใจไปกิ่วลมเหนือกันต่อ ที่กิ่วลมเหนือทางขึ้นยากกว่ากิ่วลมใต้เพราะมันต้องปีนหินขึ้นไป ไม่ค่อยมีคนนิยมไปกันเพราะดูจากสองข้างทางที่ไปไม่มีร่องรอยคนเดินขึ้นมาเท่าไร ระหว่างทางที่เดินขึ้นกิ่วลมเหนือเราตัดสินใจไม่ลงทางเดิม ยอมเปิดทางใหม่ลงไปยังแคมป์เพราะที่กิ่วลมเหนือเรามองเห็นแคมป์อยู่ไกลๆ อีกอย่างหวานเคยลงจากกิ่วลมเหนือไปแคมป์โดยเปิดทางใหม่มาแล้ว และสมาชิกที่ไปด้วยเคยเดินป่ากันมาแบบชำชองแล้ว ทำให้ลงความคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเปิดทางลงใหม่(มือใหม่ไม่แน่นำนะครับ) ทางลงใหม่ที่เราเปิดเป็นดินร่วน เล่นเอาเสียวไปหลายรอบเหมือนกัน โดนหนามกุหลาบกันไปคนละหลายแผล พอลงใกล้ถึงแคมป์มีเสียงตะโกนมาจากไกลๆว่า ยึดทางซ้ายไว้ มองแนวต้นสนไว้ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงใครเสียงพี่แมวนั้นเอง ค่อยกำกับเส้นทางเพราะเราอยู่ด้านบนมองไม่เส้นทาง ตอนเดินลงเรายึดแคมป์เป็นหลัก ระหว่างทางลงก็ได้ภาพสวยๆของแคมป์มาเหมือนกันถือว่าคุ้มค่า
พอลงมาถึงแคมป์ สมาชิกส่วนใหญ่ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก ผมขอตัวไม่ขึ้นเพราะขึ้นมา 2 ครั้งแล้วเมื่อวานนี้กับเมื่อกลางวัน(ตอนเย็นฟ้าเปิดให้สมาชิกที่เหลือได้ชมพระอาทิตย์ตก) หลังจากสมาชิกลงมาจากยอดดอยจนครบ ก็มารวมตัวรับประทานอาหารเย็น มื้อเย็นวันนี้เป็นยำหัวปลี กระดูกหมูต้มสมุนไพร กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา หมูผัดพริกไทอ่อน หมูย่าง หมูมะนาวและสลัดทูน่า อาหารเย็นมื้อนี้ฟินสุดๆ อร่อยทุกอย่างแต่เผ็ดไปหน่อย สงสัยพริกจะเหลือเยอะ ตบท้ายด้วยของหวานเป็นกล้วยบวชชี ตอนหัวค่ำหมอกเริ่มลงมาอีกครั้งทำให้ติดสิ้นใจว่ายังไงก็คงไม่เห็นดาว เลยตัดสิ้นใจเข้านอนวันนี้ใช้แรงงานไปเยอะขอพักผ่อนเอาแรง วันนี้ค่อนข้างหนาวกว่าเมื่อวาน อุณหูภูมิประมาณ 5 องศา หลับๆตื่นๆตลอดคืน ประมาณตี 4 ได้ยินเสียงสมาชิกเต้นท์ข้างๆคุยกันว่าฟ้าเปิดแล้วออกมาดูดาวกันไหม ตอนแรกในใจคิดหนาวว่ะจะออกดีไหม ลองเปิดเต้นท์ชะโงกหน้าออกมาดูก่อน ฟ้าเปิดจริงๆเห็นดาวเต็มท้องฟ้า เลยตัดสินใจหยิบกล้อง ลุกออกจากเต้นท์มาเก็บภาพดาว ก่อนมา หาข้อมูลวิธีถ่ายดาวมาเยอะ แต่พอของจริงไม่ได้ใช้เลยลืมหมด สงสัยเพราะอากาศหนาว เก็บภาพมาได้พอสมควรแต่ยังคงต้องฝึกอีกเยอะยังไม่ได้ภาพที่ถูกใจเท่าไร ลุกตั้งแต่ตี4 จากนั้นก็ไม่ได้นอนอีกเลย เก็บภาพดาวจนถึงเช้าเลย มีคนขึ้นบนยอดดอยตอนตี5 ด้วย แต่ผมตัดสินใจไม่ขึ้น ยังแอบเสียด้ายอยู่เลยน่าจะขึ้น ถ้าขึ้นไปนี้อาจจะได้ภาพทางช้างเผือกสวยกว่านี้
เมื่อสมาชิกตื่นกันก็ทะยอยเก็บของระหว่างที่รออาหารเช้า ขอสารภาพว่าจำมื้อเช้าไม่ได้ว่าเป็นอะไร สงสัยเพราะอากาศหนาวบวกกับไม่ได้เข้าห้องน้ำมาหลายวัน กินมื้อเช้าไปนิดเดียวเองกลัวมันจะออก หลังจากมื้อเช้าเก็บของกันเสร็จก็ทะยอยเดินลง ขาลงเราลงทางปางวัวคนละทางกับขาขึ้น ทางลงปางวัวชันพอสมควรแถมลื่นอีกต่างหาก ทำเวลาขาลงไปประมาณ 2 ชั่วโมง จับกบไป3ตัว สิ่งแรกที่คิดถึงหลังจากลงมาคือห้องน้ำ เราลงกันมาทำเวลาได้ดีทิ้งระยะกันไม่มาก หลังจากลงมาถึงปางวัวนั่งรถกระบะไปอีกประมาณ 30 นาที ไปที่ค่ายเยาวชนเพื่ออาบน้ำ หลังจากที่ไม่ได้อาบมาหลายวัน แต่สิ่งแรกที่จะทำคือ _ี้ น้ำเย็นมากเหมือนเอาน้ำในตู้เย็นมาให้อาบ มื้อกลางวันเป็นขาหมูเชียงดาวร้านดัง แต่ขอบอกยังไงไม่ใช่ของจริง ของจริงมันต้องกินบนดอยยยยย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวสวยหล่อกันแล้ว ก็ขอชักภาพหมูเก็บไว้ก่อนออกเดินทางกลับ ขากลับแวะรับประทานอาหารที่ครัวเกษตรที่จ.ตาก อาหารอร่อยบรรยากาศดี ถึงกรุงเทพประมาณตี3 ทริปนี้ประทับใจTKT หลายอย่างทั้ง Staff ที่เป็นกันเอง อาหารอร่อย แม้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรก็ตาม ขอบอกไว้ตรงนี้เลย เชียงดาวววววเดียวเจอกันนนนนนฉันจะไปซ่อมมมมมม
ที่เชียงดาววิวมองเห็นไกลๆไม่แน่ใจว่าใช่ดอยหลวงเชียงดาวรึป่าว
หน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก(เด่นหญ้าขัด) จุดเริ่มเดิน
ชักภาพหมู่กับป้ายก่อนออกเดินทางระยะทาง 8.5 กม
สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยเดินป่าแล้วอยากมาดอยหลวงเชียงดาวแนะนำว่าออกกำลังกายสัก1-2อาทิตย์ก่อนมาจะช่วยให้ไม่เหนื่อยจนเกินไป และจะทำให้เที่ยวสนุกยิ่งขึ้น หลังจากที่มาถึงจุดกางเต้นท์ Staff ของ TKT(พี่แมว) มาถึงก่อนพวกเราแม้จะออกเดินหลังสุดก็ตาม จัดแจงกางเต้นท์ให้สมาชิก พร้อมจัดแจงเตรียมทำอาหารเย็น พอผมมาถึงได้ไม่นานสมาชิกคนอื่นๆก็ตามมาถึง
ทางเดินเป็นทางราบสลับทางชัด
ฟอสซิลหอยระหว่างทาง ไม่สังเกตุมีเดินเหยียบแน่
จัดแจงเอาของแยกเก็บเข้าเต้นท์ของตัวเอง ผมเอาเต้นท์มาเองเป็นเต้นท์นอนคนเดียวเพิ่งซื้อมาใหม่ เอามาประเดิมที่เชียงดาวครั้งแรก ถือว่าสอบผ่านแต่อาจจะเล็กไปหน่อย สมาชิกคนอื่นหลังจากมาถึงก็ขอพักเอาแรงในเต้นท์ของตัวเอง ขอเก็บแรงเอาไว้เดินเทียววันพรุ่งนี้ ส่วนผมกับสมาชิกอีก2คนแรงยังเหลือ ขอตัวขึ้นยอดดอยไปชมพระอาทิตย์ตก ระยะทางจากที่พักถึงยอดดอยประมาณ 300 เมตร แต่เป็นทางขึ้นอย่างเดียวใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาที ใครที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกควรติดเสื้อกันหนาว ไฟฉายและน้ำดื่มไปด้วย วันที่ขึ้นมาฟ้ายังเป็นใจให้เราอยู่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกสมใจ ได้รูปสวยๆมาเพียบเลย
แสงเทพ มีบางคนเรียกว่า GOD LIGHT
ไหนๆมาแล้วขอสักภาพเดียวหาว่ามาไม่ถึง
คนมารอชมพระอาทิตย์ตกกันเพียบเลย
ภาษาวัยรุ่นเค้าว่างามฝุดๆ
หมอกลงมองอะไรไม่เห็นเลย
ระหว่างที่รออาหารเช้า ก็มีของว่างเป็นกาแฟ-โอวันติน พร้อมขนมปังปิงอุ่นๆ เรียกได้ว่ากินแทนอาหารเช้าๆได้เลย สำหรับอาหารเช้าในวันนี้เป็นข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมกับมักกะโรนี เลือกกินได้หรือจะกินทั่งสองอย่างก็ได้ 10โมงกว่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าหมอกจะจางลง ทำให้สมาชิกหลายคนกลับเข้านอนในเต้นท์ ส่วนผมเนื่องจากเต้นท์มันเล็กไปหน่อยเลยขนถุงนอนออกมานอนข้างนอกกับ Staff ระหว่างที่นอนก็มอง ท้องฟ้าไปว่าเมื่อไรฟ้าจะเปิดสักที เพราะตามโปรแกรมถ้าฟ้าเปิด Staff จะพาไปชมทุ่งดอกไม้บริเวณกิ่วลมใต้(พี่แมวให้ชื่อทุ่งดอกไม้ว่า ทุ่งดอกไม้ของเทพเจ้า) ประมาณ 11 โมงระหว่างที่นอนก็เหลือบไปเห็นว่าบริเวณยอดดอยฟ้าเริ่มเปิด จึงตัดสิ้นใจหยิบกล้องพร้อมขาตั้งกล้อง+น้ำ 1 ขวด ลุยเดียวขึ้นยอดดอยอีกครั้งหลังจากที่ไปชมพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน บนยอดดอยฟ้าเปิดสลับกับปิดเป็นระยะต้องรอจังหวะดีๆ ข้างบนยอดช่วงเทียงมีคนขึ้นมาไม่กี่คน ถ่ายภาพสบายเลย ถ้าฟ้าเปิดจะแจ่มมาก ประมาณเที่ยงสมาชิกบางส่วนก็ตัดสิ้นใจขึ้นยอดดอยตามมาเหมือนกัน
หมอกยังคงลงอยู่ แต่ก็พอเก็บภาพได้บาง
ยอดดอยเป็นของเราาาาาา
หลังจากเก็บภาพจนจุใจก็ตัดสินใจลง ไปรับประทานอาหารกลางวัน ประทับใจที่....(จำไม่ได้และขี้เกียจย้อนกลับไปอ่าน) มื้อกลางวันเป็นข้าวขาหมู นี้แหละขาหมูเชียงดาวของจริง ที่ขายกันข้างล่างของปลอมทั่งนั้น ของจริงมันต้องกินบนเชียงดาว ซัดไป2จานอิ่มอร่อย
ขาหมูเชียงดาวของแท้
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ ผมกับสมาชิกอีก 2 คนตัดสินใจขึ้นกิ่วลมอีกครั้งเพราะหวังในใจลึกๆว่า ฟ้าจะเป็นใจเปิดให้เรา Staff สาวนำทีมพาขึ้นกิ่วลมนำโดย Staff หวานและส้ม เราขึ้นไปกิ่วลมใต้กันก่อน เพราะอยากจะไปดูทุ่งดอกไม้ของเทพเจ้าตามที่พี่แมวบอกไว้ แต่เป็นที่น่าเสียด้ายเนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกไม้ส่วนใหญ่ร่วงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังมีดอกไม้อีกหลายชนิดให้เราได้ชม จากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น เดินไปอีกประมาณ 500 เมตรจะมีดอกไม้หลากหลายชนิดขึ้นสลับกัน ใครเป็นคอมาโครไม่ควรพลาด เหมือนฟ้าจะเป็นใจเล็กๆ แอบมีเปิดเป็นระยะๆให้พอได้ลุ้นเก็บภาพประทับใจ ประมาณ 4โมงเราลงกิ่วลมใต้เพื่อไปกิ่วลมเหนือกันต่อ น้องimm(ชื่อพูดยากสะกดไม่ถูกขอเป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน) สมาชิกที่ไปด้วยขอแยกตัวลงก่อนเพราะจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ยอดดอยเพราะเมื่อวานน้องเขาไม่ได้ขึ้น Staffส้มเป็นคนนำน้องลงไป
Staff 2 สาวแห่ง TKT
โฉมหน้าสมาชิกที่ขึ้นกิ่วลมใต้
บรรดาดอกไม้ที่กิ่วลมใต้
ส่วนที่เหลืออีก 3 คนตัดสินใจไปกิ่วลมเหนือกันต่อ ที่กิ่วลมเหนือทางขึ้นยากกว่ากิ่วลมใต้เพราะมันต้องปีนหินขึ้นไป ไม่ค่อยมีคนนิยมไปกันเพราะดูจากสองข้างทางที่ไปไม่มีร่องรอยคนเดินขึ้นมาเท่าไร ระหว่างทางที่เดินขึ้นกิ่วลมเหนือเราตัดสินใจไม่ลงทางเดิม ยอมเปิดทางใหม่ลงไปยังแคมป์เพราะที่กิ่วลมเหนือเรามองเห็นแคมป์อยู่ไกลๆ อีกอย่างหวานเคยลงจากกิ่วลมเหนือไปแคมป์โดยเปิดทางใหม่มาแล้ว และสมาชิกที่ไปด้วยเคยเดินป่ากันมาแบบชำชองแล้ว ทำให้ลงความคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเปิดทางลงใหม่(มือใหม่ไม่แน่นำนะครับ) ทางลงใหม่ที่เราเปิดเป็นดินร่วน เล่นเอาเสียวไปหลายรอบเหมือนกัน โดนหนามกุหลาบกันไปคนละหลายแผล พอลงใกล้ถึงแคมป์มีเสียงตะโกนมาจากไกลๆว่า ยึดทางซ้ายไว้ มองแนวต้นสนไว้ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงใครเสียงพี่แมวนั้นเอง ค่อยกำกับเส้นทางเพราะเราอยู่ด้านบนมองไม่เส้นทาง ตอนเดินลงเรายึดแคมป์เป็นหลัก ระหว่างทางลงก็ได้ภาพสวยๆของแคมป์มาเหมือนกันถือว่าคุ้มค่า
ทางขึ้นกิ่วลมเหนือ ต้องปีนหินขึ้นไป
จากทางลงกิ่วลมเหนือมาเห็นแคมป์อยู่ไกลๆ
พอลงมาถึงแคมป์ สมาชิกส่วนใหญ่ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก ผมขอตัวไม่ขึ้นเพราะขึ้นมา 2 ครั้งแล้วเมื่อวานนี้กับเมื่อกลางวัน(ตอนเย็นฟ้าเปิดให้สมาชิกที่เหลือได้ชมพระอาทิตย์ตก) หลังจากสมาชิกลงมาจากยอดดอยจนครบ ก็มารวมตัวรับประทานอาหารเย็น มื้อเย็นวันนี้เป็นยำหัวปลี กระดูกหมูต้มสมุนไพร กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา หมูผัดพริกไทอ่อน หมูย่าง หมูมะนาวและสลัดทูน่า อาหารเย็นมื้อนี้ฟินสุดๆ อร่อยทุกอย่างแต่เผ็ดไปหน่อย สงสัยพริกจะเหลือเยอะ ตบท้ายด้วยของหวานเป็นกล้วยบวชชี ตอนหัวค่ำหมอกเริ่มลงมาอีกครั้งทำให้ติดสิ้นใจว่ายังไงก็คงไม่เห็นดาว เลยตัดสิ้นใจเข้านอนวันนี้ใช้แรงงานไปเยอะขอพักผ่อนเอาแรง วันนี้ค่อนข้างหนาวกว่าเมื่อวาน อุณหูภูมิประมาณ 5 องศา หลับๆตื่นๆตลอดคืน ประมาณตี 4 ได้ยินเสียงสมาชิกเต้นท์ข้างๆคุยกันว่าฟ้าเปิดแล้วออกมาดูดาวกันไหม ตอนแรกในใจคิดหนาวว่ะจะออกดีไหม ลองเปิดเต้นท์ชะโงกหน้าออกมาดูก่อน ฟ้าเปิดจริงๆเห็นดาวเต็มท้องฟ้า เลยตัดสินใจหยิบกล้อง ลุกออกจากเต้นท์มาเก็บภาพดาว ก่อนมา หาข้อมูลวิธีถ่ายดาวมาเยอะ แต่พอของจริงไม่ได้ใช้เลยลืมหมด สงสัยเพราะอากาศหนาว เก็บภาพมาได้พอสมควรแต่ยังคงต้องฝึกอีกเยอะยังไม่ได้ภาพที่ถูกใจเท่าไร ลุกตั้งแต่ตี4 จากนั้นก็ไม่ได้นอนอีกเลย เก็บภาพดาวจนถึงเช้าเลย มีคนขึ้นบนยอดดอยตอนตี5 ด้วย แต่ผมตัดสินใจไม่ขึ้น ยังแอบเสียด้ายอยู่เลยน่าจะขึ้น ถ้าขึ้นไปนี้อาจจะได้ภาพทางช้างเผือกสวยกว่านี้
ทางช้างเผือก ถ่ายตอนตี4 ได้แค่หางช้าง
Star tail ถ่ายมา 50 short แล้วมาเข้าโปรแกรม
ภาพทะเลดาวก่อนนำมาทำ Star tail
เมื่อสมาชิกตื่นกันก็ทะยอยเก็บของระหว่างที่รออาหารเช้า ขอสารภาพว่าจำมื้อเช้าไม่ได้ว่าเป็นอะไร สงสัยเพราะอากาศหนาวบวกกับไม่ได้เข้าห้องน้ำมาหลายวัน กินมื้อเช้าไปนิดเดียวเองกลัวมันจะออก หลังจากมื้อเช้าเก็บของกันเสร็จก็ทะยอยเดินลง ขาลงเราลงทางปางวัวคนละทางกับขาขึ้น ทางลงปางวัวชันพอสมควรแถมลื่นอีกต่างหาก ทำเวลาขาลงไปประมาณ 2 ชั่วโมง จับกบไป3ตัว สิ่งแรกที่คิดถึงหลังจากลงมาคือห้องน้ำ เราลงกันมาทำเวลาได้ดีทิ้งระยะกันไม่มาก หลังจากลงมาถึงปางวัวนั่งรถกระบะไปอีกประมาณ 30 นาที ไปที่ค่ายเยาวชนเพื่ออาบน้ำ หลังจากที่ไม่ได้อาบมาหลายวัน แต่สิ่งแรกที่จะทำคือ _ี้ น้ำเย็นมากเหมือนเอาน้ำในตู้เย็นมาให้อาบ มื้อกลางวันเป็นขาหมูเชียงดาวร้านดัง แต่ขอบอกยังไงไม่ใช่ของจริง ของจริงมันต้องกินบนดอยยยยย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวสวยหล่อกันแล้ว ก็ขอชักภาพหมูเก็บไว้ก่อนออกเดินทางกลับ ขากลับแวะรับประทานอาหารที่ครัวเกษตรที่จ.ตาก อาหารอร่อยบรรยากาศดี ถึงกรุงเทพประมาณตี3 ทริปนี้ประทับใจTKT หลายอย่างทั้ง Staff ที่เป็นกันเอง อาหารอร่อย แม้อากาศจะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรก็ตาม ขอบอกไว้ตรงนี้เลย เชียงดาวววววเดียวเจอกันนนนนนฉันจะไปซ่อมมมมมม
ภาพหมูก่อนกลับ (ด้านหลังไม่ใช่เชียงดาวนะ)
ระหว่างทางแอบเก็บ Track การเดินไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น