วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

CR เรื่องราวประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบัน ภาค 2

         ภาค2 มาแล้ว ไม่รู้ยังมีคนสนใจติดตามอ่านกันอยู่รึป่าว แต่ถึงไม่มีคนอ่านผมก็ยังคิดว่าจะเขียนต่อไป เก็บไว้เป็นบันทึกความทรงจำ เผื่อเอาไว้ย้อนกลับมารำลึกความทรงจำในอดีต จริงๆสมัยก่อนผมก็เคยเขียนบันทึกเรื่องราวการท่องเที่ยวไว้เหมือนกันในเว็บ Multiply ถ้าใครเล่นกล้องมาตั้งแต่สมัยก่อนจะรู้จักกันดี Multiply เป็นเว็บสำหรับให้นักถ่ายภาพนำภาพมาลงอวดฝีมือขั้นเทพกัน แต่เสียด้ายที่ตอนนี้ได้ถูกปิดตัวลงไปเสียแล้ว มันถือเป็นโซเชียลมีเดียยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ มาเข้าเรื่องทริปการท่องเที่ยวของผมกันดีกว่า เกริ่นนำมายาวพอสมควรแล้ว
          ทริปที่3 ของกลุ่มรักนกรักป่า ปีนี้จัดขึ้นช่วงต้นปีของปี 46 ตอนนั้นผมอยู่ประมาณปี3 ในช่วงมกราคมของทุกปีจะเป็นช่วงกีฬามหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะประกาศเป็นวันหยุดประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อให้นักกีฬาออกไปแข่งกีฬาเพื่อทำชื่อเสียงให้สถาบัน ส่วนนิสิตคนอื่นๆทางมหาวิทยาลัยก็หยุดให้ไปเชียร์กีฬาเพื่อสร้างกำลังใจให้แก่นักกีฬา แต่ไม่ใช่สำหรับกลุ่มรักนกรักป่า ช่วงหยุดกีฬามหาลัยถือเป็นช่วงที่ดีเหมาะแก่การท่องเที่ยว ไม่ต้องมากังวลเรื่องเรียน ทริปนี้จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้สมาชิกได้สัมผัสกับการดูนกตามชื่อกลุ่ม รักนกรักป่า หลังจากสองทริปที่ผ่านมาเราไปสัมผัสกับการเดินป่ากันมาแล้วถึงแม้จะเป็นการเดินป่าแบบอ่อนๆก็ตาม ทริปนี้จัดที่ขึ้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทรบุรี โดยครั้งนี้มีความพิเศษกว่าทริปที่ผ่านๆมา เนื่องจากสมาชิกที่ไปในทริปนี้ทุกคนจะต้องแบ่งกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 3คน แยกกันลงรถตามสถานที่ต่างในจังหวัดปราจีนบุรี แล้วให้ทุกกลุ่มทำการโบกรถจากจุดที่รถลง ไปยังจุดหมายที่น้ำตกเขาสอยดาว ซึ่งนั้นก็เป็นการโบกรถเที่ยวครั้งแรกของผมและเพื่อนสมาชิกร่วมทริป จะมีก็แต่อ.เชิดคนเดียวละมั่งที่เคยโบกรถเที่ยวมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากเป็นการโบกรถครั้งแรกของหลายๆคน เส้นทางที่โบกไปยังจุดหมายจึงเป็นถนนสายหลักที่รถส่วนใหญ่จะผ่านอยู่แล้ว กลุ่มของผมลงรถที่จุดเริ่มโบกเป็นกลุ่มแรกทำให้จุดหมายปลายทางไกลที่สุด บอกตรงๆตอนนั้นไม่รู้เลยว่าจะโบกกันยังไง แล้วจะมีคนรับเราขึ้นรถรึป่าว เราโบกรถคันแรกกันอยู่สักพักใหญ่ๆ ไม่มีคันไหนจอดรับเราเลย บางคันที่จอดก็ไปไม่ถึงจุดหมายของเรา กลุ่มผมเลยแอบโกงเล็กๆ(เรื่องนี้รู้กันเฉพาะคนในกลุ่มเท่านั้น ดังนั้นใครรู้เรื่องนี้แล้วช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ) โบกอยู่นานไม่จอดสักที่เลยโบกรถประจำทางมันซะเลยเพราะเราลงความเห็นกันในกลุ่มว่า ตรงจุดที่เราลงรถมันใกล้ท่ารถเกินไป คนขับผ่านมาเลยมองว่าเราจะโบกรถประจำทางรึป่าว(จริงๆผมไม่ได้โกงนะ ก็ดันปล่อยลงตรงนี้เองนี้) เรานั่งรถประจำทางไปไม่ไกลจากจุดลงรถเท่าไรนัก เพราะเรากลัวว่าสมาชิกทีมอื่นจะเห็นว่าเราแอบขึ้นรถประจำทางแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจับได้ หลังจากลงรถประจำทางเราก็เริ่มโบกรถกันต่อ คร่าวนี้รอไม่นานก็มีรถใจดีจอดให้เราขึ้น รถที่จอดให้เราเป็นรถอีแต้นของชาวบ้านถ้าใครเคยนั่งรถอีแต้นก็จะรู้ว่ามันทำความเร็วได้ช้าาาาาาาามากกกกก 20กม/ชั่วโมงได้มั่ง ถึงจะช้าแต่ก็เป็นประสบการณ์เริ่มต้นการโบกรถที่ดี รถอีแต้นไม่ได้ไปถึงจุดหมายที่เราต้องการ ทำให้เราต้องโบกรถต่อไปอีก จำไม่ค่อยได้แล้วว่าโบกต่ออีกกี่คันจึงถึงที่จุดหมายที่นัดกันไว้(ไม่มีโบกรถประจำทางนะจ๊ะ) กลุ่มผมมาถึงจุดหมายช่วงเย็นๆ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะมาถึงกลุ่มสุดท้ายเลยมั่ง ไม่ใช่เพราะโบกกันไม่เก่งนะแต่ลงรถกลุ่มแรกเลยระยะทางมันไกล แถมโบกได้รถอีแต้นอีก(แก้ตัวน้ำขุ่นๆเลย อิอิ) นั้นก็เป็นประสบการณ์การโบกรถเที่ยวครั้งแรกของผม
         ที่น้ำตกเขาสอยดาวจุดตั้งแคมป์ของเราเป็นแหล่งดูนกที่ดีจุดหนึ่ง ทางเจ้าหน้าทีของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวก็อำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี มีอุปกรณ์สำหรับดูนกเตรียมให้เราอย่างพร้อมเพียง(คนในกลุ่มไม่มีใครมีอุปกรณ์การดูนกมาเลย) ในตอนนั้นบอกตรงๆว่าดูนกไม่เป็นไม่รู้จักชนิดของนกเลย รู้จักก็แต่ นกกระจอก นกพิราบ อีกา ตั้งแต่ตอนนั้นมาถึงปัจจุบันก็ขอบอกว่าก็ยังดูนกไม่เป็นเหมือนเดิม และก็ไม่เคยไปทริปดูนกอีกเลยตั้งแต่ทริปนี้ อาจเป็นเพราะคนดูนกต้องเป็นคนใจเย็นๆค่อยๆมองหานกที่ละตัว แต่สำหรับผมมองซ้ายก็หานกไม่เจอ มองขวาก็ไม่มี นกมันบินไปไหนกันหมดว่ะ ทำไมคนอื่นเขาเจอได้เจอดีเราทำไมหาไม่เจอสักตัว ทริปนี้เรามากันช่วงมกราคมอากาศที่เขาสอยดาวเรียกได้ว่าหนาวทีเดียว ผมได้มีโอกาสลองสุราพื้นเมืองจากเพือนที่เอาติดไปด้วย เป็นเหล้ากระเหรี่ยงสีของมันแดงอมชมพู่ เรียกได้ว่าถ้าเอามาวางคู่น้ำมันเบนซินมีคนหยิบเบนซินไปกระดกแน่นอน ตามปกติผมเป็นคนไม่กินเหล้าเท่าไร นอกจากสังสรรค์กับเพื่อนๆซึ่งนานๆที แต่ทริปนี้ต้องจัดเหล้ากระเหรี่ยงสักหน่อยแล้ว เพราะอากาศมันเย็นมาก ยกกระดกเข้าไปสักแก้วเล่นเอาร้อนวูบเลยทีเดียว ทริปนี้ผมยังคงนอนเปลเช่นเดิม ตกดึกพอเหล้ากระเหรี่ยงหมดฤิทธิ์ไม่รู้ลมหนาวจากไหนมันมา หนาวโครตๆ กระโดดลงจากเปลกลางดึก มุดเต้นท์เพื่อนในบัดดล หนาวจริงๆครับ ข้อคิดของทริปนี้ทำให้เรารู้ว่าสุราสามารถคล้ายหนาวได้ แต่ถ้ามันหมดฤทธิ์ก็ตัวใครตัวมันเช่นกัน ดังนั้นก่อนนอนเล็งเต้นท์ที่จะมุดให้ดีๆ เดี่ยวจะหาว่าไม่เตือน ทริปนี้ถือเป็นทริปสุดท้ายของกลุ่มรักนกรักป่า เนื่องจากสมาชิกหลายๆคนก็แยกย้ายไปเที่ยวในแบบของตนเองไม่ค่อยวางตรงกัน อีกทั้งตอนนั้นกลุ่มผมเริ่มทำการยึดชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัยได้แล้ว ทำให้กลุ่มรักนกรักป่าได้ยุบตัวลง ฟังดูเศร้าเนาะแต่จริงๆกลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดกลุ่มเที่ยวกันมากกว่า เอาชื่อรักนกรักป่ามาอ้าง หาเหตุผลเที่ยวซะมากกว่า ไม่รู้เบื่อกันรึยัง ยังไงก็ขอจบแค่นี้ก่อนเอาไว้ไปต่อภาค 3 นะครับ(เขียนหมดทุกทริปนี้มีเป็น 10 ภาคแน่เลย ทำลายสิถิติป่าผีปอบแน่ อิอิ)
มือใหม่หัดโบกก

รถอีแต้นใจดีจอดรับเรา

ไหนว่ะนก มองไม่เห็นสักตัว

เปลคอนโด 6 ชั้นดีนะนอนชั้นไม่สูงโดดมุดเต้นท์ได้อย่างรวดเร็ว

เหล้ากระเหรี่ยงแก้หนาว

น้ำตกเขาสอยดาวกับภาพสมาชิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น